เมนู

คุณสมบัติเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา 4 วิโมกข์ 8 และ
อภิญญา 6 เราทำให้แจ้งชัดแล้ คำสอนของพระพุทธเจ้า
เราได้ทำเสร็จแล้ว
ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระปรัปปสาทกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วย
ประการฉะนี้แล.
จบปรัปสาทกเถราปทาน

64. อรรถกถาปรัปปสาทกเถราปทาน


อปทานของท่านพระปรัปปสาทกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า อุสภํ ปวรํ
วีรํ
ดังนี้.
พระเถระแม้นี้ ได้บำเพ็ญบุญสมภารไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อน ๆ
สั่งสมบุญทั้งหลายอันเป็นอุปนิสัยแก่พระนิพพานในภพนั้น ๆ ในกาลแห่ง
พระพุทธเจ้าพระนามสิทธัตถะ บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ ถึงฝั่งแห่ง
ไตรเพท ผู้ชำนาญเวยยากรณ์อันเป็นบทแห่งศาสตร์ทั้งหลา มีอิติหาส-
ศาสตร์เป็นที่ 5 เป็นผู้ชำนาญในมหาปุริสลักษณะอันเป็นศาสตร์แห่งโลก
อันปรากฏโดยชื่อว่า เสลพราหมณ์ เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
สิทธัตถะ เห็นพระองค์ทรงงดงามด้วยมหาปุริสลักษณะ 32 ประการและ
ด้วยอนุพยัญชนะ 80 ประการ มีใจเลื่อมใส จึงประกาศชมเชยด้วยเหตุ
หลายอย่าง ด้วยอุปมาหลายอย่าง. ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านจึงเสวยสมบัติ
ชั้นกามาวจร 6 ชั้น มีเป็นท้าวสักกะและเป็นมารเป็นต้นในเทวโลก
เสวยจักรพรรดิสมบัติในมนุษยโลก บังเกิดในเรือนมีตระกูลแห่งหนึ่งซึ่ง

สมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ บรรลุนิติภาวะแล้ว เลื่อมใสในพระศาสดา
บวชแล้วไม่นานนักก็บรรลุปฏิสัมภิทา 4 อภิญญา 6 ได้เป็นพระขีณาสพ.
เพราะการชมเชยพระพุทธเจ้า เป็นเหตุกระทำความเลื่อมใสแห่งจิตของ
สัตว์ทั้งปวง ท่านจึงปรากฏนามว่า ปรัปปสาทกเถระ ดังนี้.
วันหนึ่ง ท่านระลึกถึงบุพกรรมของตน เกิดโสมนัส เมื่อจะประกาศ
ปุพพจริตาปทานของตน จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อุสภํ ปวรํ วีรํ ดังนี้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุสภํ ความว่า ผู้เป็นโคผู้ผู้ประเสริฐสุด
4 คือ วสภะ, นิสภะ. วิสภะ, อาสภะ ใน 4 ตัวนั้น โคผู้ประเสริฐกว่า
โค 1,000 ตัว ชื่อว่าวสภะ, ผู้ประเสริฐกว่าโค 1,000 ตัว ชื่อว่า
นิสภะ, ผู้ประเสริฐกว่า 10,000 ตัว ชื่อว่าวิสภะ, และผู้ประเสริฐกว่าโค
100,000 โกฏิตัว ชื่อว่าอาสภะ, พราหมณ์ผู้เป็นบัณฑิต ผู้มีพระ-
พุทธพจน์อันสดับแล้วมาก เมื่อจะกล่าวชมเชยท่านผู้ใดผู้หนึ่ง จึงกระทำ
การชมเชยด้วยปัญญาของตน ๆ แต่ผู้สามารถจะชมเชยพระพุทธเจ้า
ทั้งหลาย โดยอาการทั้งปวงย่อมไม่มี. เพราะพระพุทธเจ้ามีพระคุณ
ประมาณไม่ได้. สมจริงดังคำที่ท่านกล่าวไว้มีอาทิว่า
แม้พระพุทธเจ้า พึงกล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า หากแม้
สรรเสริญอยู่ กัปอื่น ๆ ฟังสิ้นไปในระหว่างอายุกาลนาน การ
สรรเสริญพระคถาคตหาสิ้นไปไม่.

พราหมณ์แม้นี้ เมื่อควรกล่าว อาสภํ ด้วยอำนาจการคล่องปาก
ด้วยการเลื่อมใสโดยส่วนเดียว จึงกล่าวคำมีอาทิว่า อุสภํ ดังนี้. ชื่อว่า วระ
เพราะอรรถว่า บุคคลพึงปรารถนา คือพึงอยากได้. ชื่อว่า วีระ เพราะ
ได้บำเพ็ญเพียรมาแสนกัปมิใช่น้อย. ชื่อว่า มเหสี เพราะค้นหา คือ

แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่มีศีลขันธ์เป็นต้น. ซึ่งผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่
คือพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น. ชื่อว่า วิชิตาวี เพราะชนะมารมีกิเลสมาร
และขันธมารเป็นต้น โดยพิเศษ. ซึ่งผู้ชำนะพิเศษคือพระสัมพุทธเจ้านั้น
วรรณะของพระพุทธเจ้าพระองค์ใด มีวรรณะเพียงดังว่าวรรณะแห่งทอง
พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ชื่อว่าผู้มีวรรณะเพียงดังว่าวรรณะแห่ง
ทอง. สัตว์ชื่อไรเล่า เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้มีวรรณะเพียงดังว่าวรรณะแห่ง
ทองนั้นย่อมไม่เลื่อมใสแล.
จบอรรถกถาปรัปปสาทกกกเถราปทาน

ภิสทายกเถราปทานที่ 5 (65)


ว่าด้วยผลแห่งการถวายเหง้ามันและรากบัว


[67] พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามชื่อว่าเวสสภู เป็นองค์ที่ 3
แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นฤาษีทั้งหลาย พระองค์ผู้เป็น
อุดมบุรุษ เสด็จเข้าป่าชัฏแล้วประทับอยู่.

เราได้ถือเอาเหง้ามัน และรากบัวไปในสำนักพระพุทธเจ้า
และเรามีจิตเลื่อมใส ได้ถวายเหง้ามันและรากบัวนั้น แด่
พระพุทธเจ้าด้วยมือทั้งสองของตน.

ก็ทานที่เราถวายนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า
เวสสภู ผู้มีพระปัญญาอันประเสริฐ ทรงลูบคลำด้วยพระหัตถ์
เราไม่รู้สึกว่าจะมีความสุขอื่นเสมอด้วยสุขนั้น ที่ไหนจะมี
ความสุขยิ่งไปกว่านั้น.

อัตภาพที่สุดย่อมเป็นไปแก่เรา เราถอนภพขึ้นได้หมดแล้ว
ตัดเครื่องผูกขาดดังช้างทำลายปลอกแล้ว ไม่มีอาสวะอยู่.

ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาลนั้น ด้วย
กรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายเหง้ามัน
และรากบัว.

ในกัปที่ 13 แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิรวม 16 ครั้ง
เป็นใหญ่กว่ามนุษย์ มีพละมาก.